วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

***การเขียนเว็บเพจด้วยภาษา HTML ***

าระสำคัญ
HTML ภาษาพื้นฐานที่ผู้สร้างเว็บ หรือเว็บมาสเตอร์ต้องรู้จักและเข้าใจ
เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาพัฒนาด้วยภาษาอื่นๆ หรือจากเว็บไซต์สำเร็จรูป

ก็ยังจำเป็นต้องรู้จักและเข้าใจการทำงานของภาษา HTML

ความหมาย
HTML (Hyper Text Markup Language) เป็นภาษาพื้นฐาน ที่ใช้ในการพัฒนา web page ภาษาหนึ่ง เพื่อให้โปรแกรม web brower ต่าง ๆ (เช่น Internet Explorer, FireFox) สามารถแปลงคำสั่ง แสดงผลในลักษณะของรูปภาพ ตัวอักษร เสียง ภาพเคลื่อนไหว โดยไฟล์ที่สร้างจะมีนามสกุล .html หรือ .htm การสร้างและแก้ไขสามารถใช้โปรแกรม NotePad, WordPad ในวินโดวส์ ลักษณะของไฟล์จะเป็น Text ไฟล์ธรรมดา

ลักษณะ
- หมายถึง คำสั่งที่ใช้กำหนดว่าเป็นเอกสาร HTML (คำสั่งนี้จะอยู่ตอนบนสุดและล่างสุดของไฟล์)
- หมายถึง คำสั่งที่ใช้กำหนดว่าชื่อเรื่องของไฟล์ HTML
- หมายถึง คำสั่งที่ใช้กำหนดว่าชื่อของเอกสาร (คำสั่งนี้จะอยู่ระหว่างคำสั่ง HEAD)
- หมายถึง คำสั่งที่ใช้กำหนดว่าเป็นส่วนของรายละเอียด (คำสั่งนี้จะอยู่หลังคำสั่ง HEAD)

หลังจากนั้นเวลาบันทึก ให้เลือกเมนู File เลือก Save เลือกตั้งชื่อไฟล์ ซึ่งชื่อไฟล์หลักของ Web Page มักจะใช้ชื่อว่า index.html หรือ index.htm หลังจากสร้างเสร็จแล้ว เราสามารถสั่งรันโดยใช้โปรแกรม? Microsoft Internet Explorer ซึ่งมีมาพร้อมกับ Windows ทุกเวอร์ชั่นได้
จะเห็นได้ว่า แต่ละคำสั่งจะอยู่ในเครื่องหมาย "< >" ซึ่งเราเรียกว่า แทก "TAG" แต่ละคำสั่งจะเป็นการบอกจุดเริ่มต้นของคำสั่ง และจุดสิ้นสุดของคำสั่งจะมีสัญลักษณ์ ""


โครงสร้างภาษา HTML




คำสั่งหรือข้อความที่ต้องการให้แสดง

9 เทคนิคฝึกสมองให้ฉลาด

1. จิบน้ำบ่อย ๆ
สมองประกอบด้วยน้ำร้อยละ 85 เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เซลล์สมอง เหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้ากลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวัน จึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ นะจ๊ะ

2. กินไขมันดี
คุณรู้ไหมว่า สมองคืนก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ จึงขอแนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่างปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวมน้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เซลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
หลังจากตื่นนอนแล้วให้ตั้งสติ และนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อสมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆทำให้สมองสามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ให้หัดทำก่อนนอนทุกวันนะจ๊ะ

4. ใส่ความตั้งใจ
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมอง ว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิดระหว่างวัน สมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟินซึ่งเป็นสาเหตุแห่งความสุขหลั่งออกมา เป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อย

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จัก เพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงาน และเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิด สร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น หรือโกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง แต่อย่างไรก็ตาม การที่เรารู้จักยั้งคิดและไม่ทำตัวเองผิดพลาด จนต้องให้อภัยตัวเอง เป็นสิ่งที่ควรทำที่สุดนะจ๊ะ

8. เขียนบันทึกสิ่งดี ๆ
ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียน เรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับ หลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9. ฝึกหายใจลึก ๆ
สมองใช้ออกซิเจนร้อยละ 20-25 ของ ออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้า ลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย ได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลา ยืนหรือเดินยืดเส้นยืดสาย เพื่อให้ปอดขยาย ใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้ เพื่มขึ้นอีกร้อยละ 20

เห็นไหมล่ะ ง่ายนิดเดียว ลองทำดูนะการมีสมองที่ดี ก็จะทำให้เราเรียนรู้ทักษะ ทุกอย่างในโลกได้แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดีคุณภาพชีวิตก็จะดีแน่นอนจ๊ะ.
ที่มา http://www.egat.co.th

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

มาทดสอบความรู้กันดีกว่า

ตอนที่ 1 จงกาเครื่องหมาย / หน้าข้อที่ถูก และกาเครื่องหมาย X หน้าข้อที่ผิด
1. คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ มักมีความเร็วสูงกว่าคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก
2. ฮาร์ดดิสจัดว่าเป็นหน่วยความจำหลัก ส่วนแรมจัดว่าเป็นหน่วยความจำสำรอง
3. หน่วยประมวลผลกลางเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการประมวลผลคำสั่งและข้อมูล
4. หน่วยความจำรองของคอมพิวเตอร์ เป็นหน่วยความจำที่เก็บโปรแกรม BIOS และอ่านข้อมูลได้อย่างเดียว
5. ในอนาคต ไมโครโปรเซสเซอร์แบบสารกึ่งตัวนำจะทำงานด้วยความเร็วสูงขึ้นเรื่อย ๆ
6. การแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์ จะแบ่งตามขนาด ประสิทธิภาพ และลักษณะการใช้งาน
7. หากไม่มีหน่วยความจำหลัก คอมพิวเตอร์ก็ยังทำงานได้
8. ขนาดความจุของหน่วยความจำจะบอกเป็นจำนวนไบต์
9. เทคโนโลยีสารกึ่งตัวนำเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง
10. หน่วยส่งออกทำหน้าที่เปลี่ยนรหัสที่มนุษย์เข้าใจเป็นรหัสที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ

ตอนที่ 2 จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว

11. ความสามารถของคอมพิวเตอร์ขึ้นอยู่กับอะไร
ก. การทำงานภายในของซีพียู
ข. ประสิทธิภาพของโปรแกรมที่ใช้งาน
ค. ความเร็วของซีพียู
ง. ถูกทุกข้อ
12. หน่วยความจำแบบใดที่จัดว่าเป็นหน่วยความจำหลัก
ก. หน่วยความจำประเภทแรม
ข. ฮาร์ดดิสก์
ค. Flash Memory
ง. ถูกทุกข้อ
13. ไมโครโปรเซสเซอร์ถูกเรียกว่าอะไรในคอมพิวเตอร์
ก. ชิพ (chip)
ข. หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู
ค. เมนบอร์ด
ง. การ์ดแสดงผล
14. คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คือข้อใด
ก. Mini Computer
ข. Micro Computer
ค. Embedded Computer
ง. Microprocessor
15. การบอกขนาดของหน่วยเก็บข้อมูลในหน่วยความจำจะบอกในหน่วยใด
ก. รีจีสเตอร์
ข. กิโลไบต์
ค. แอดเดรส
ง. บิต
16. ข้อใดเป็นโปรแกรมระบบปฏิบัติการของเครื่อง Apple
ก. Mac OS
ข. Windows
ค. DOS
ง. ถูกทุกข้อ
17. หน่วยความจำประเภทใดเมื่อปิดเครื่องแล้วข้อมูลที่เก็บอยู่จะหายไป
ก. แรม
ข. รอม
ค. ฮาร์ดดิสก์
ง. หน่วยความจำรอง
18. จำนวนจุดในแนวนอนและแนวตั้งของจอภาพจะบอกลักษณะใดของภาพ
ก. ความละเอียดของภาพ
ข. สีที่จะแสดงได้
ค. ขนาดของภาพ
ง. ถูกทุกข้อ
19. ข้อใดคือสิ่งที่ควบคุมการทำงานของซีพียู
ก. ข้อมูลที่รับทางอุปกรณ์รับเข้า
ข. คำสั่ง
ค. ตัวเลขที่ป้อนทางคีย์บอร์ด
ง. การใช้เมาส์
20. หน่วยแสดงผลจะอยู่บนคอมพิวเตอร์ประเภทใด
ก. mobile computer
ข. notebook computer
ค. desktop personal computer
ง. ถูกทุกข้อ
21. ข้อใดเป็นความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ก. เทคโนโลยีที่นำไปใช้ในการประมวลผล
ข. การใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารในการจัดการสารสนเทศ
ค. ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
ง. การประยุกต์ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ในการพัฒนาเครื่องมือต่าง ๆ
22. ข้อใดเป็นลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ก. ช่วยให้การบริการด้านต่าง ๆสะดวกขึ้น
ข. ช่วยให้ทำงานได้รวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ
ค. สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานด้านต่าง ๆ ได้หลากหลาย
ง. ถูกทุกข้อ
23. ลำดับวิวัฒนาการของเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ข้อใดถูกต้อง
ก. ลูกคิด พีซี โน้ตบุ๊ก พีดีเอ
ข. แอปเปิลทู ไมโครโพรเซสเซอร์ เครื่องยูนิแวค พีซี
ค. บัตรเจาะรู เครื่องแอนาไลติคอลเอนจิน เครื่องคอมพิวเตอร์อินิแอค เครื่องคิดเลข
ง. เครื่องคิดเลข เครื่องคำนวณของเบลส ปาสคาล เครื่องคอมพิวเตอร์ยูนิแวค พีซี
24. ลำดับวิวัฒนาการของเทคโนโลยีด้านการสื่อสารข้อใดถูกต้อง
ก. ภาษา โทรเลข โทรศัพท์ โทรทัศน์
ข. โทรเลข โทรศัพท์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ คลื่นวิทยุ
ค. วิทยุทรานซิสเตอร์ ดาวเทียม เทปวีดีทัศน์ โทรทัศน์
ง. เครื่องหมายชาวอียิปต์ หนังสือพิมพ์รายเดือน คลื่นวิทยุ โทรศัพท์
25. การทำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาช่วยในงานใดเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม
ก. ผลิตสินค้า
ข. ส่งเสริมการเรียนรู้
ค. ตรวจสอบการเกิดไฟป่า
ง. รักษาความปลอดภัยของประเทศ

kiss the rain

ขอบคุณที่มา www.youtube.com

ผู้ติดตาม